Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
พอดีไปอ่านเจอมาน่าจะมีประโยชน์ ถ้าซ้ำหรือเคยอ่านแล้วโทดทีนะครับ - -"
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="LitTle_Eye, post: 566468, member: 58061"]<span style="color: Red">การเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้การเสียหายเกิดขึ้น ข้อพึงระวังสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เอง คือ </span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red">1. ต้องดับเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง (OFF) </span></p><p><span style="color: Red">2. ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร </span></p><p><span style="color: Red">3. และเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไป ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ</span></p><p><span style="color: Red">จำหลักง่ายๆ "ถอดลบ (-) ใส่บวก (+)" เสมอ เพื่อป้องกันการลัดวงจรและเกิดประกายไฟกับรถยนต์แสนรักของคุณ</span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red">ดูและแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า</span></p><p><span style="color: Red">การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้</span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red">1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า </span></p><p><span style="color: Red">2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด </span></p><p><span style="color: Red">3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์ </span></p><p><span style="color: Red">4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน </span></p><p><span style="color: Red">5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น </span></p><p><span style="color: Red">6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี </span></p><p><span style="color: Red">7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป </span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red">เราจะทราบได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม</span></p><p><span style="color: Red">เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ</span></p><p><span style="color: Red">หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้</span></p><p><span style="color: Red"><br /></span></p><p><span style="color: Red">1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก</span></p><p><span style="color: Red">2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง</span></p><p><span style="color: Red">3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง</span></p><p><span style="color: Red">4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ</span></p><p><br /></p><p><span style="color: Yellow">อาการน็อคของเครื่องยนต์</span></p><p><span style="color: Yellow">ก่อนอื่นมารู้จักกับคำว่า"น็อค"กันก่อน ซึ่งมันคือการที่ส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศที่เอาไปเผาไหม้เครื่องยนต์เกิดการจุดระเบิดเองโดยที่หัวเทียนยังไม่ได้จุดประกายไฟก่อนถึงจังหวะจุดระเบิดจริง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดแรงต้านการเคลื่อนที่ขึ้นของลูกสูบในจังหวะอัด เมื่อถึงเวลาที่หัวเทียนเริ่มจุดระเบิดก็ไม่สามารถสร้างพลังงานที่สมบูรณ์ได้ ส่งผลให้เครื่องกำลังตก วิ่งไม่ออก หรือเรียกอีกอย่างว่าอาการ "ชิงจุด" ซึ่งอันนี้แหละเป็นที่มาของอาการน็อคของเครื่องจนทำให้เกิดความเสียหายได้</span></p><p><span style="color: Yellow"> เป็นอย่างไรเมื่อเกิดการ "น็อค" เกิดขึ้น</span></p><p><span style="color: Yellow">การลุกไหม้ที่เกิดก่อนการจุดระเบิดจริง ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่อยู่ได้รับความเสียหายซึ่งสวนทางกับการเคลื่อนที่ของลูกสูบที่กำลังเลื่อนขึ้น ลูกสูบจึงเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากกว่าส่วนอื่นๆ และถ้าการชิงจุดนั้นเกิดขึ้นเกิดขึ้นบริเวณผนังกระบอกสูบความร้อนที่เกิดขึ้นจากการลุกไหม้ ณ จุดนั้นจะสูงมากและจะค่อยๆกระจายความร้อนออกไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกการละลายได้ นอกจากการเสียหายกับลูกสูบแล้ว การลุกไหม้ที่เกิดก่อนที่วาล์วไอดี-ไอเสียจะปิดสนิท ความร้อนที่เกิดจากการลุกไหม้ซ้อนๆกันจะย้อนกลับออกไปทางวาล์วไอดี-ไอเสียก็ได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะการทำงานในช่วงนั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับวาล์วและบ่าวาล์วได้อีกด้วย</span></p><p><span style="color: Yellow"> ต้นเหตุของการน็อคเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆคือ </span></p><p><span style="color: Yellow">1 องศาไฟที่แก่เกินไป</span></p><p><span style="color: Yellow">เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นงายที่สุด เป็นเพราะความซนของเราๆท่านๆเองที่ไปปรับองศาไฟจุดระเบิดให้แก่ขึ้น โดยหวังจะให้อัตราเร่งดีขึ้นซึ่งมันก็ช่วยได้ เพราะการที่เราตั้งไฟแก่จะทำให้มีการจุดระเบิดล่วงหน้าซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นในรอบต่ำ แต่ในรอบสูงจะทำให้เครื่องเกิดการ "น็อค" เพราะระบบไฟจะเร่งไฟอยู่แล้วในรอบสูง ถ้าเราตั้งไฟแก่มากในจังหวะเดินเบาเวลารอบเครื่องยนต์สูงขึ้นระบบไฟจะเพิ่มองศาไฟจุดระเบิดขึ้นอีกผลที่ตามมาคือ "อาการน็อคในรอบสูง" นั่นเอง</span></p><p><span style="color: Yellow">2 เลือกใช้น้ำมัน(ค่าอ็อกเทน)ไม่ถูกต้อง</span></p><p><span style="color: Yellow">ค่าอ็อกเทนคือ ค่าเฉลี่ยการต้านทานการจุดระเบิด น้ำมันอ็อกเทนสูงจะมีความต้านทานการจุดระเบิดสูงตามไปด้วย ช่วยให้โอกาสที่ส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศในกระบอกสูบที่มีความร้อนสูงจุดระเบิดก่อนเวลาอันควรลดลงไปด้วย อาการน็อคก็จะลดลงตามไปนั่นเอง แต่น้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนต่ำใช่ว่าจะไม่ดี เพราะมันขึ้นกับความเหมาะสมของเครื่องยนต์ด้วย เพราะหากเครื่องยนต์ไม่ได้ต้องการน้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนมากแต่ใช้น้ามันที่มีค่าอ็อกเทนสูงกลับทำให้เครื่องยนต์พละกำลังตกไปก็เป็นได้ เนื่องจากความต้านทานการจุดระเบิดของมันจะทำให้หลังจากหัวเทียนจุดประกายไฟแล้วการเริ่มเผาไหม้จะช้าลง ทำให้อัตราเร่งลดลง ดังน้นการเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ก็สามารถลดโอกาสที่เครื่องยนต์จะเกิดอาการน็อคลงไปด้วย ดังน้นการที่เราใช้น้ำมันตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด ก็เพียงพอแถมยังประหยัดด้วยนะครับ </span></p><p><span style="color: Lime">ใครคิดเห็นยังไงเพิ่มเติมได้เลยนะครับ</span>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="LitTle_Eye, post: 566468, member: 58061"][COLOR="Red"]การเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้การเสียหายเกิดขึ้น ข้อพึงระวังสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เอง คือ 1. ต้องดับเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง (OFF) 2. ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร 3. และเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไป ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ จำหลักง่ายๆ "ถอดลบ (-) ใส่บวก (+)" เสมอ เพื่อป้องกันการลัดวงจรและเกิดประกายไฟกับรถยนต์แสนรักของคุณ ดูและแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ 1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า 2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด 3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์ 4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน 5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น 6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี 7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป เราจะทราบได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้ 1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก 2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง 3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง 4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ[/COLOR] [COLOR="Yellow"]อาการน็อคของเครื่องยนต์ ก่อนอื่นมารู้จักกับคำว่า"น็อค"กันก่อน ซึ่งมันคือการที่ส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศที่เอาไปเผาไหม้เครื่องยนต์เกิดการจุดระเบิดเองโดยที่หัวเทียนยังไม่ได้จุดประกายไฟก่อนถึงจังหวะจุดระเบิดจริง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดแรงต้านการเคลื่อนที่ขึ้นของลูกสูบในจังหวะอัด เมื่อถึงเวลาที่หัวเทียนเริ่มจุดระเบิดก็ไม่สามารถสร้างพลังงานที่สมบูรณ์ได้ ส่งผลให้เครื่องกำลังตก วิ่งไม่ออก หรือเรียกอีกอย่างว่าอาการ "ชิงจุด" ซึ่งอันนี้แหละเป็นที่มาของอาการน็อคของเครื่องจนทำให้เกิดความเสียหายได้ เป็นอย่างไรเมื่อเกิดการ "น็อค" เกิดขึ้น การลุกไหม้ที่เกิดก่อนการจุดระเบิดจริง ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่อยู่ได้รับความเสียหายซึ่งสวนทางกับการเคลื่อนที่ของลูกสูบที่กำลังเลื่อนขึ้น ลูกสูบจึงเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากกว่าส่วนอื่นๆ และถ้าการชิงจุดนั้นเกิดขึ้นเกิดขึ้นบริเวณผนังกระบอกสูบความร้อนที่เกิดขึ้นจากการลุกไหม้ ณ จุดนั้นจะสูงมากและจะค่อยๆกระจายความร้อนออกไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกการละลายได้ นอกจากการเสียหายกับลูกสูบแล้ว การลุกไหม้ที่เกิดก่อนที่วาล์วไอดี-ไอเสียจะปิดสนิท ความร้อนที่เกิดจากการลุกไหม้ซ้อนๆกันจะย้อนกลับออกไปทางวาล์วไอดี-ไอเสียก็ได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะการทำงานในช่วงนั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับวาล์วและบ่าวาล์วได้อีกด้วย ต้นเหตุของการน็อคเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆคือ 1 องศาไฟที่แก่เกินไป เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นงายที่สุด เป็นเพราะความซนของเราๆท่านๆเองที่ไปปรับองศาไฟจุดระเบิดให้แก่ขึ้น โดยหวังจะให้อัตราเร่งดีขึ้นซึ่งมันก็ช่วยได้ เพราะการที่เราตั้งไฟแก่จะทำให้มีการจุดระเบิดล่วงหน้าซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นในรอบต่ำ แต่ในรอบสูงจะทำให้เครื่องเกิดการ "น็อค" เพราะระบบไฟจะเร่งไฟอยู่แล้วในรอบสูง ถ้าเราตั้งไฟแก่มากในจังหวะเดินเบาเวลารอบเครื่องยนต์สูงขึ้นระบบไฟจะเพิ่มองศาไฟจุดระเบิดขึ้นอีกผลที่ตามมาคือ "อาการน็อคในรอบสูง" นั่นเอง 2 เลือกใช้น้ำมัน(ค่าอ็อกเทน)ไม่ถูกต้อง ค่าอ็อกเทนคือ ค่าเฉลี่ยการต้านทานการจุดระเบิด น้ำมันอ็อกเทนสูงจะมีความต้านทานการจุดระเบิดสูงตามไปด้วย ช่วยให้โอกาสที่ส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศในกระบอกสูบที่มีความร้อนสูงจุดระเบิดก่อนเวลาอันควรลดลงไปด้วย อาการน็อคก็จะลดลงตามไปนั่นเอง แต่น้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนต่ำใช่ว่าจะไม่ดี เพราะมันขึ้นกับความเหมาะสมของเครื่องยนต์ด้วย เพราะหากเครื่องยนต์ไม่ได้ต้องการน้ำมันที่มีค่าอ็อกเทนมากแต่ใช้น้ามันที่มีค่าอ็อกเทนสูงกลับทำให้เครื่องยนต์พละกำลังตกไปก็เป็นได้ เนื่องจากความต้านทานการจุดระเบิดของมันจะทำให้หลังจากหัวเทียนจุดประกายไฟแล้วการเริ่มเผาไหม้จะช้าลง ทำให้อัตราเร่งลดลง ดังน้นการเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ก็สามารถลดโอกาสที่เครื่องยนต์จะเกิดอาการน็อคลงไปด้วย ดังน้นการที่เราใช้น้ำมันตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด ก็เพียงพอแถมยังประหยัดด้วยนะครับ [/COLOR] [COLOR="Lime"]ใครคิดเห็นยังไงเพิ่มเติมได้เลยนะครับ[/COLOR][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
Club SI
>
พอดีไปอ่านเจอมาน่าจะมีประโยชน์ ถ้าซ้ำหรือเคยอ่านแล้วโทดทีนะครับ - -"
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...