Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Primera & Presea Club
>
หลายเรื่องเลยครับ...
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="silver dragon, post: 1019495, member: 11490"]<b><span style="color: Green"><span style="color: DarkOrange">การทำความสะอาดหม้อน้ำ</span>สนิม,ฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมาจากระบบหล่อเย็นอีกด้วย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องทำความสะอาดหม้อน้ำซึ่งเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งในการดูแลรักษารถยนต์ ระบบหล่อเย็นของรถทำหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อนที่เกิดจากเครื่องยนต์ เพื่อเครื่องยนต์จะทำงานได้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม การดูแลให้ระบบหล่อเย็นไม่เป็นสนิมไม่มีฝุ่น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด </span></b></p><p><b><span style="color: Green">เราไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหม้อน้ำอยู่บ่อยๆ เหมือนกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (ทุกๆ 2 ปีก็เพียงพอ) แต่มันก็ง่ายเช่นกัน</span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">สิ่งจำเป็น</span></span></b></p><p><b><span style="color: Green"> ตัวทำละลาย (1-2 แกลลอล หรือ 4-8 ลิตร) <LI< 4-8 หรือ แกลลอล (1-2> </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> ที่รองหรือถังน้ำ </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> สายยางพร้อมก๊อก </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> ถุงมือ (ควรกันน้ำได้) </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> แปรงไนล่อนที่มีขนนิ่ม </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> น้ำสบู่ </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> แว่นตานิรภัย </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งตัวทำละลาย (ตัวทำละลายมีพิษมากและควรทำลายอย่างถูกต้อง) </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> ผ้าขี้ริ้ว </span></b></p><p><b><span style="color: Green"> คีมและไขควง (หากจำเป็น) </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 1</span> - สิ่งแรกที่สำคัญ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">สิ่งสำคัญที่สุดลำดับแรก เครื่องยนต์ต้องเย็นก่อน หากเครื่องยนต์ร้อนนั่นหมายถึงการที่สารหล่อเย็นร้อนไปด้วย และเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณได้รับอันตรายเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และน้ำเย็นก็สามารถทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ที่ร้อนด้วย </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 2</span> - ทำความสะอาดหม้อน้ำ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">เปิดกระโปรงรถและติดตั้งขาตั้งให้แน่นเพื่อป้องกันการปิดทับลงมา แล้วใช้แปรงไนลอนจุ่มน้ำสบู่เพื่อขัดทำความสะอาดพวกแมลงหรือฝุ่นต่างๆ ที่ติดอยู่ที่หม้อน้ำ โดยต้องเช็ดไปในทางที่ไม่สวนกับการหมุนของใบพัดเพราะใบพัดโค้งงอได้ง่าย และอาจเสียรูปทรง เมื่อใบพัดสะอาดให้ใช้สายยางฉีดน้ำทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง </span></b></p><p><b><span style="color: Green">แม้ว่าคุณจะล้างหม้อน้ำทุกๆ 2 ปี แต่เราแนะนำให้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหม้อน้ำ ทุกๆ 20,000 กม. สำหรับน้ำยาหม้อน้ำชนิดเข้มข้นที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้ ทั้งนี้ควรอ้างอิงคู่มือการใช้ของรถแต่ละรุ่นเป็นหลัก </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 3 </span>- การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสม</span></b></p><p><b><span style="color: Green">การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสมนั้น สำคัญมาก เพราะสารหล่อเย็นมีพิษสูงแต่ด้วยกลิ่นหวานๆ ล่อใจเด็กๆ และแมลงมาก เราจึงไม่ควรทิ้งสารหล่อเย็นเอาไว้ หรือเทลงบนดิน ควรแน่ใจว่าภาชนะที่นำมารองจะไม่เอาไปใช้ในงานครัวอีก ควรเลือกใช้ภาชนะที่ใช้แล้วทิ้งจะดีกว่า และควรจะมีขนาดเล็กพอดีที่จะใส่ใต้ท้องรถได้พอดี </span></b></p><p><b><span style="color: Green">เมื่อหาที่รองที่เหมาะสมได้แล้ว เลื่อนมันเข้าไปใต้ท้องรถและจัดให้อยู่ตรงกับวาล์วของท่อทิ้ง </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 4</span> - ตรวจสอบฝาหม้อน้ำ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">ฝาหม้อน้ำถูกปิดด้วยแรงดันเพื่อเก็บสารหล่อเย็นเอาไว้เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้เย็น แรงดันของสารหล่อเย็นแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเครื่องยนต์ และบนฝาจะระบุแรงดันเอาไว้ </span></b></p><p><b><span style="color: Green">ฝาหม้อน้ำจะประกอบด้วยสปริงและยาง ความแข็งของสปริงและยางจะเป็นตัวบอกได้ว่าหม้อน้ำมีแรงดันมากน้อยเพียงใด และสามารถทนแรงดันได้เท่าไร ถ้าสามารถกดสปริงได้ง่าย ก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนฝาใหม่แล้ว สัญญาณอีกอย่างที่จะบอกได้ว่าเราควรเปลี่ยนได้ คือ มีสนิมมากหรือการเสื่อมสภาพของยางโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือจำง่ายๆ ว่า เราล้างหม้อน้ำเมื่อไร ก็เปลี่ยนฝาใหม่ไปพร้อมกันเลย และอย่าลืมว่าฝาหม้อน้ำต่างกัน และก็ทนแรงดันต่างกันด้วย </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 5</span> - การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">ขั้นต่อไปคือ การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ ซึ่งจะมีอยู่ 2 สาย สายแรกอยู่ด้านบนของหม้อน้ำซึ่งเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นที่ร้อนออกจากเครื่องยนต์ อีกสายอยู่ด้านล่างซึ่งจะเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นเข้าไปหล่อเย็นเครื่องยนต์ ก่อนการเปลี่ยนสารหล่อเย็นควรตรวจสอบสภาพของสายทั้ง 2เส้น และก้านยึดก่อนว่ายังอยู่ในสภาพดีแข็งแรงไม่เป็นสนิม ถ้าชำรุดหรือมีปัญหาที่สายใดสายหนึ่ง ควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งคู่ ควรเลือกสายที่มีลักษณะอ่อนนุ่มมีความคงตัวสูง แล้วจึงค่อยทำความสะอาดหม้อน้ำ </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 6</span> - ถ่ายน้ำยาหม้อน้ำที่ใช้แล้ว</span></b></p><p><b><span style="color: Green">วาล์วทิ้งของเสียของหม้อน้ำควรจะมีที่จับ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเปิด ให้ขันสกรูออก (อย่าลืมว่าใส่ถุงมือด้วย เพราะสารหล่อเย็นนั้นมีพิษ) และปล่อยให้สารหล่อเย็นไหลออกมาลงภาชนะที่เรารองไว้ด้านล่างของรถตามขั้นตอนที่ 4 เมื่อไหลออกหมดแล้วให้ปิดวาล์วนั้น และใช้กรวยเติมสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด แล้วรองถาดกลับเข้าไปที่เดิม </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 7</span> - ทำความสะอาดหม้อน้ำ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">ตอนนี้เราพร้อมที่จะล้างหม้อน้ำแล้ว ใช้สายยางเติมน้ำลงในหม้อน้ำจนกระทั่งเต็ม แล้วจึงเปิดวาล์วออกเพื่อให้น้ำไหลลงไปให้หมดเพื่อล้างหม้อน้ำ ทำซ้ำจนกระทั่งน้ำที่ไหลออกมาใส แล้วนำน้ำล้างเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด ปิดวาล์วให้เรียบร้อย </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 8</span> - เติมน้ำยาหม้อน้ำ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">สารหล่อเย็นที่ดีควรมาจากการผสมสารหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน ควรใช้น้ำกลั่นในการผสม เนื่องจากสะอาดและป้องกันการเกิดตะกรัน ควรผสมในภาชนะอื่นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจึงนำมาเติมในหม้อน้ำ โดยทั่วไปหม้อน้ำจะมีความจุประมาณ 2 แกลลอน </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอน 9</span> - ไล่ฟองอากาศในระบบ</span></b></p><p><b><span style="color: Green">ท้ายสุด เราต้องปล่อยฟองอากาศที่อาจมีในระบบหล่อเย็น โดยติดเครื่องยนต์ในขณะที่ปิดฝาหม้อน้ำด้วย (เพื่อป้องกันการเกิดแรงดัน) โดยปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ 15 นาที แล้วเปิดฮีทเตอร์ให้ร้อน การกระทำนี้จะช่วยในการหมุนเวียนของสารหล่อเย็นและเป็นการไล่อากาศที่มีอยู่ในระบบ ทำให้มีพื้นที่ในการเติมสารหล่อเย็นได้อีกนิดหน่อย แล้วจึงเติมสารหล่อเย็นลงไป ระวังฟองอากาศที่จะถูกแทนที่โดยสารหล่อเย็นกระเด็น เพราะมันค่อนข้างร้อน </span></b></p><p><b><span style="color: Green">จากนั้นปิดฝาและเช็ดของเหลวส่วนเกินออกให้สะอาด </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><span style="color: darkorange">ขั้นตอนที่ 10 </span>- ทำความสะอาดและตรวจสอบความเรียบร้อย</span></b></p><p><b><span style="color: Green">ตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาปิดต่างๆ, ผ้าที่เช็ด, สายท่อเก่า และภาชนะที่ต้องทำลาย </span></b></p><p><b><span style="color: Green">มันสำคัญมากที่จะทิ้งสารหล่อเย็นอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว อย่าลืมว่าสารหล่อเย็นมีกลิ่นที่เด็กๆ ชอบดังนั้นอย่าปล่อยทิ้งเอาไว้ นำเอาไปทิ้งที่รับขยะรีไซเคิลที่อยู่ใกล้บ้าน อย่าทิ้งเอาไว้ ดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำลายวัตถุอันตรายที่ส่วนของน้ำมันเครื่อง </span></b></p><p><b><span style="color: Green"><br /></span></b></p><p><b><span style="color: Green"><br /></span></b></p><p><b><span style="color: Green"></span></b>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="silver dragon, post: 1019495, member: 11490"][B][COLOR="Green"][COLOR="DarkOrange"]การทำความสะอาดหม้อน้ำ[/COLOR]สนิม,ฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมาจากระบบหล่อเย็นอีกด้วย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องทำความสะอาดหม้อน้ำซึ่งเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งในการดูแลรักษารถยนต์ ระบบหล่อเย็นของรถทำหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อนที่เกิดจากเครื่องยนต์ เพื่อเครื่องยนต์จะทำงานได้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม การดูแลให้ระบบหล่อเย็นไม่เป็นสนิมไม่มีฝุ่น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด เราไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหม้อน้ำอยู่บ่อยๆ เหมือนกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (ทุกๆ 2 ปีก็เพียงพอ) แต่มันก็ง่ายเช่นกัน [COLOR="darkorange"]สิ่งจำเป็น[/COLOR] ตัวทำละลาย (1-2 แกลลอล หรือ 4-8 ลิตร) <LI< 4-8 หรือ แกลลอล (1-2> ที่รองหรือถังน้ำ สายยางพร้อมก๊อก ถุงมือ (ควรกันน้ำได้) แปรงไนล่อนที่มีขนนิ่ม น้ำสบู่ แว่นตานิรภัย ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งตัวทำละลาย (ตัวทำละลายมีพิษมากและควรทำลายอย่างถูกต้อง) ผ้าขี้ริ้ว คีมและไขควง (หากจำเป็น) [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 1[/COLOR] - สิ่งแรกที่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดลำดับแรก เครื่องยนต์ต้องเย็นก่อน หากเครื่องยนต์ร้อนนั่นหมายถึงการที่สารหล่อเย็นร้อนไปด้วย และเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณได้รับอันตรายเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และน้ำเย็นก็สามารถทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ที่ร้อนด้วย [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 2[/COLOR] - ทำความสะอาดหม้อน้ำ เปิดกระโปรงรถและติดตั้งขาตั้งให้แน่นเพื่อป้องกันการปิดทับลงมา แล้วใช้แปรงไนลอนจุ่มน้ำสบู่เพื่อขัดทำความสะอาดพวกแมลงหรือฝุ่นต่างๆ ที่ติดอยู่ที่หม้อน้ำ โดยต้องเช็ดไปในทางที่ไม่สวนกับการหมุนของใบพัดเพราะใบพัดโค้งงอได้ง่าย และอาจเสียรูปทรง เมื่อใบพัดสะอาดให้ใช้สายยางฉีดน้ำทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าคุณจะล้างหม้อน้ำทุกๆ 2 ปี แต่เราแนะนำให้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหม้อน้ำ ทุกๆ 20,000 กม. สำหรับน้ำยาหม้อน้ำชนิดเข้มข้นที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้ ทั้งนี้ควรอ้างอิงคู่มือการใช้ของรถแต่ละรุ่นเป็นหลัก [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 3 [/COLOR]- การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสม การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสมนั้น สำคัญมาก เพราะสารหล่อเย็นมีพิษสูงแต่ด้วยกลิ่นหวานๆ ล่อใจเด็กๆ และแมลงมาก เราจึงไม่ควรทิ้งสารหล่อเย็นเอาไว้ หรือเทลงบนดิน ควรแน่ใจว่าภาชนะที่นำมารองจะไม่เอาไปใช้ในงานครัวอีก ควรเลือกใช้ภาชนะที่ใช้แล้วทิ้งจะดีกว่า และควรจะมีขนาดเล็กพอดีที่จะใส่ใต้ท้องรถได้พอดี เมื่อหาที่รองที่เหมาะสมได้แล้ว เลื่อนมันเข้าไปใต้ท้องรถและจัดให้อยู่ตรงกับวาล์วของท่อทิ้ง [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 4[/COLOR] - ตรวจสอบฝาหม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำถูกปิดด้วยแรงดันเพื่อเก็บสารหล่อเย็นเอาไว้เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้เย็น แรงดันของสารหล่อเย็นแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเครื่องยนต์ และบนฝาจะระบุแรงดันเอาไว้ ฝาหม้อน้ำจะประกอบด้วยสปริงและยาง ความแข็งของสปริงและยางจะเป็นตัวบอกได้ว่าหม้อน้ำมีแรงดันมากน้อยเพียงใด และสามารถทนแรงดันได้เท่าไร ถ้าสามารถกดสปริงได้ง่าย ก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนฝาใหม่แล้ว สัญญาณอีกอย่างที่จะบอกได้ว่าเราควรเปลี่ยนได้ คือ มีสนิมมากหรือการเสื่อมสภาพของยางโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือจำง่ายๆ ว่า เราล้างหม้อน้ำเมื่อไร ก็เปลี่ยนฝาใหม่ไปพร้อมกันเลย และอย่าลืมว่าฝาหม้อน้ำต่างกัน และก็ทนแรงดันต่างกันด้วย [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 5[/COLOR] - การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ ขั้นต่อไปคือ การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ ซึ่งจะมีอยู่ 2 สาย สายแรกอยู่ด้านบนของหม้อน้ำซึ่งเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นที่ร้อนออกจากเครื่องยนต์ อีกสายอยู่ด้านล่างซึ่งจะเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นเข้าไปหล่อเย็นเครื่องยนต์ ก่อนการเปลี่ยนสารหล่อเย็นควรตรวจสอบสภาพของสายทั้ง 2เส้น และก้านยึดก่อนว่ายังอยู่ในสภาพดีแข็งแรงไม่เป็นสนิม ถ้าชำรุดหรือมีปัญหาที่สายใดสายหนึ่ง ควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งคู่ ควรเลือกสายที่มีลักษณะอ่อนนุ่มมีความคงตัวสูง แล้วจึงค่อยทำความสะอาดหม้อน้ำ [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 6[/COLOR] - ถ่ายน้ำยาหม้อน้ำที่ใช้แล้ว วาล์วทิ้งของเสียของหม้อน้ำควรจะมีที่จับ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเปิด ให้ขันสกรูออก (อย่าลืมว่าใส่ถุงมือด้วย เพราะสารหล่อเย็นนั้นมีพิษ) และปล่อยให้สารหล่อเย็นไหลออกมาลงภาชนะที่เรารองไว้ด้านล่างของรถตามขั้นตอนที่ 4 เมื่อไหลออกหมดแล้วให้ปิดวาล์วนั้น และใช้กรวยเติมสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด แล้วรองถาดกลับเข้าไปที่เดิม [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 7[/COLOR] - ทำความสะอาดหม้อน้ำ ตอนนี้เราพร้อมที่จะล้างหม้อน้ำแล้ว ใช้สายยางเติมน้ำลงในหม้อน้ำจนกระทั่งเต็ม แล้วจึงเปิดวาล์วออกเพื่อให้น้ำไหลลงไปให้หมดเพื่อล้างหม้อน้ำ ทำซ้ำจนกระทั่งน้ำที่ไหลออกมาใส แล้วนำน้ำล้างเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด ปิดวาล์วให้เรียบร้อย [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 8[/COLOR] - เติมน้ำยาหม้อน้ำ สารหล่อเย็นที่ดีควรมาจากการผสมสารหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน ควรใช้น้ำกลั่นในการผสม เนื่องจากสะอาดและป้องกันการเกิดตะกรัน ควรผสมในภาชนะอื่นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจึงนำมาเติมในหม้อน้ำ โดยทั่วไปหม้อน้ำจะมีความจุประมาณ 2 แกลลอน [COLOR="darkorange"]ขั้นตอน 9[/COLOR] - ไล่ฟองอากาศในระบบ ท้ายสุด เราต้องปล่อยฟองอากาศที่อาจมีในระบบหล่อเย็น โดยติดเครื่องยนต์ในขณะที่ปิดฝาหม้อน้ำด้วย (เพื่อป้องกันการเกิดแรงดัน) โดยปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ 15 นาที แล้วเปิดฮีทเตอร์ให้ร้อน การกระทำนี้จะช่วยในการหมุนเวียนของสารหล่อเย็นและเป็นการไล่อากาศที่มีอยู่ในระบบ ทำให้มีพื้นที่ในการเติมสารหล่อเย็นได้อีกนิดหน่อย แล้วจึงเติมสารหล่อเย็นลงไป ระวังฟองอากาศที่จะถูกแทนที่โดยสารหล่อเย็นกระเด็น เพราะมันค่อนข้างร้อน จากนั้นปิดฝาและเช็ดของเหลวส่วนเกินออกให้สะอาด [COLOR="darkorange"]ขั้นตอนที่ 10 [/COLOR]- ทำความสะอาดและตรวจสอบความเรียบร้อย ตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาปิดต่างๆ, ผ้าที่เช็ด, สายท่อเก่า และภาชนะที่ต้องทำลาย มันสำคัญมากที่จะทิ้งสารหล่อเย็นอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว อย่าลืมว่าสารหล่อเย็นมีกลิ่นที่เด็กๆ ชอบดังนั้นอย่าปล่อยทิ้งเอาไว้ นำเอาไปทิ้งที่รับขยะรีไซเคิลที่อยู่ใกล้บ้าน อย่าทิ้งเอาไว้ ดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำลายวัตถุอันตรายที่ส่วนของน้ำมันเครื่อง [/COLOR][/B][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
Primera & Presea Club
>
หลายเรื่องเลยครับ...
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...